FQA เคลือบแล้วได้อะไร??

คำถามและสิ่งที่ลูกค้าสงสัยก่อนตัดสินใจเคลือบ ceramic

ความคุ้มค่า ค่าใช้จ่าย ระหว่าง เคลือบ หรือ ไม่เคลือบ

ตอบ : การเคลือบนั้นคุ้มค่ากว่า ใช้เวลาในการดูแลน้อยลง ลดค่าใช้จ่าย จากการที่ต้องซื้อแพ็กเกจ ขัดเคลือบ ในขณะที่ยิ่งใช้น้ำยาขัดพร้อมฟองน้ำหรือขนแกะ ไม่ว่าจะใช้สปีดเร็วหรือช้า พร้อมกับน้ำหนักมือผู้ขัด จะทำให้เกิดผล 2 ประการคือ

  1. ชั้นเนื้อแลกเกอร์ ที่เคลือบสีผิวรถลดลง เข้าถึงชั้นเนื้อสี
  2. เกิดรอยโดยที่เราไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่าง่ายๆ

จากข้อ 1-2 นั้นทางผู้ให้บริการบางรายอาจไม่เข้าใจ ว่าอาจก่อเกิดการทำลายสีผิวรถได้

** สำหรับรถที่ได้ผ่านการเคลือบสีแล้ว ทุกอย่างจะเกิดบนผิวสารที่เคลือบ (ชั้นฟิลม์) เท่านั้น หากเกิดการแก้ไขงานกี่ครั้งก็ไม่ทำลายเนื้อสี และชั้นแลกเกอร์ เช่น มีการลบรอยขีดข่วนขนแมว ขัดเช็ดยางมะตอยที่ติดสี

ความแตกต่างระหว่างเคลือบแก้ว และ เคลือบเซรามิก

ตอบ เคลือบแก้ว นั้นมีสถานะ ความตึงผิวอยู่ที่ ระดับ 7H และความหนาชั้นผิวเคลือบ (ไมครอน) ที่บางมาก หรือเปรียบเท่า เคลือบแว๊ก ไม่แตกต่างกัน มีความทนต่อ มลภาวะตำ่หรือไม่ทนทาน. ดังนั้น จึงจำเป็นต้อง ให้นำรถมาทำการบำรุงรักษาก่อนการเคลือบ  ส่วน เซรามิก ระดับ 9H นั้น มีความตึงของผิวสูงกว่า ดังนั้นจึงต่อต้านมลภาวะดีได้กว่า ทั้งด้วยการ เคลือบและ wax

ความสำคัญของ “ความหนา” และ “ความตึง ของผิว “ จากการเคลือบเซรามิก

ตอบ.  ความตึงของผิวสำคัญมากกว่าความหนา เพราะ ความตึงของผิวนั้น จะช่วยลดการบั่นทอน และทำร้าย (มลภาวะ)ผิวรถ เริ่มจากสิ่งใกล้ตัวมากที่สุด คือ นำ้ยาล้างรถ จนถึง มูลนก คราบน้ำ คราบสกปรก ความหมองคล้ำของสีรถ ความตึงผิวนั้นจะเป็นเกราะป้องกัน ส่วนความหนาช่วยได้เพียงเล็กน้อย คือ ลดรอยขนแมว ที่เกิดขึ้นนั้น เนื่องจากรอยดังกล่าวอยู่บนแผ่นฟิล์ม แต่ไม่เกิดบนสีรถ   แต่ถ้าหากเคลือบด้วยการเคลือบแก้ว หรือการ wax สิ่งเหล่านี้จะทำลายพื้นสี และพื้นผิวทันที เหมือนมีดบาด

วิธีดูแลรถยนต์หลังจากเคลือบไปแล้ว

ตอบ. หมั่นดูแลรถด้วยการล้าง ทำคงามสะอาด สม่าเสมอ อย่าคิดว่าการเคลือบจะรองรับการดูแลได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ผ่านการล้าง และทำความสะอาดอย่างต่อเนื่อง

เคลือบแล้วปกป้องสีจากมลภาวะได้แค่ไหน

ตอบ   สามารถปกป้องได้ 99% (ขึ้น อยู่ที่ปัจจัยที่ควบคุมได้) ที่เหลือคือ ดูแลตามคำแนะนำจากฝ่ายบริการของศูนย์

 

น้ำยาเคลือบ HIGH COAT
น้ำยาเคลือบ HIGH COAT ที่ผลิต ผลิตออกมาเพื่อปกป้องสีและวัสดุโลหะโครเมี่ยมและอัลลอย ให้มีความสามารถทนทานต่อทุกสภาวะการกัดกร่อน จากธรรมชาติที่มากระทำต่อพื้นผิว และเป็นน้ำยาที่ไม่มีส่วนผสมของแว๊กทุกขนิด (Hydrophobic) รวมถึงสารขับไล่น้ำ(Water Repellent)ที่มีขายในท้องตลาดทั่วไป

หลังจากเคลือบไปแล้วจะทำให้เห็นผลในเรื่องของความเงาและเข้มขึ้นของวัสดุชิ้นงาน พื้นผิวจะมีความหนามากกว่าการเคลือบแก้วตัวปัจจุบันทุกชนิด
*พื้นฐานเบสน้ำยา HIGH COAT มีความเหมือนและคล้ายคลึงกับการเอาฟิล์มใสมาแร๊ปรถ * น้ำยาตัวนี้ ปัจจุบันในต่างประเทศใช้เป็นตัวที่เคลือบรถไฟความความเร็วสูง (Bullet Train) ปัจจุบันพัฒนามาใช้กับยานยนต์ทั่วไป และจักรยานยนต์ ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก

คุณลักษณะของนำ้ยา HIGH COAT มีสรรพคุณดังนี้

  • ปกป้องพื้นผิวจากลอยขนแมว ได้ถึง 99% (ทดสอบพื้นผิวมีฝุ่นโดยใช้ผ้าแห้งเช็ดไปมา)
  • ปกป้องพื้นผิวจากคราบน้ำจากการล้างหรือคราบนำ้ฝน 99% (ทดสอบโดยล้างน้ำเปล่าและใช้ผ้าชุบน้ำเปล่าเช็ดออกทันที)
  • ปกป้องพื้นผิวจากมูลของนก 90% (ทดสอบโดยการล้างน้ำเปล่าและนำไปตากแดดพื้นผิวที่เสียหายจะกลับคืนสภาพเดิม เร็วหรือช้าขึ้นอยู่ที่ ความแรงของแสงแดด)
  • ปกป้องผิวจากความร้อน ที่อุณหภูมิหลังจากเคลือบสูงสุดถึง 70 องศาเซลเซียส ในขณะที่หน้าร้อน อุณหภูมิ สูงสุด 50 องศาเซลเซียส
  • ปกป้องสะท้อนรังสียูวี

**น้ำยานี้เป็นสารที่ช่วยให้เจ้าของรถยนต์และจักรยานยนต์นั้น ไม่ต้องกังวลกับสิ่งที่กล่าวข้างต้น**